ฮาร์ดทอล์ค กระแสข่าวร้อน รายการที่ “ความดัง” ไม่ได้วัดกันเพียง “เรตติ้ง”

Byพันตา (Panta) ข่าว บทวิเคราะห์

By พันตา (Panta)


คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกยุคปัจจุบัน ข่าวสารเปรียบเสมือนอาหารที่เป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อชีวิต แต่สำหรับการเสนอข่าวในรูปแบบรายการโทรทัศน์ ก็ต้องมีการปรุงแต่ง สร้างสรรค์ให้โดนใจ ถูกใจผู้ชม รายการประเภททอล์คข่าว แนวฮาร์ดทอล์ค จึงเป็นอีกหนึ่งรายการที่ได้รับความสนใจ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชมสูง

โดยเฉพาะข่าวที่เกิดเป็นประเด็นข่าวร้อนแรง ดราม่าจัด อาจเพราะรายการประเภทนี้ เกาถูกที่คันในอารมณ์ ตอบสนองความสนใจใคร่รู้ได้ดี  ซึ่งส่วนสำคัญสำหรับรายการประเภทนี้มี 3 ส่วน  พิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการต้องเก่ง ต้องเจาะคำตอบ ต้องเกาะอารมณ์ ส่วนที่ 2 คือทีมงานด้านข้อมูล ที่ต้องมีข้อมูลเพื่อให้เสนอออกมาเป็นเชิงลึกที่ต่างจากข่าวประจำวันทั่วไป และส่วนที่ 3 สำคัญสุดสุด คือ คนในข่าวหรือแหล่งข่าว ที่เป็นผู้เกี่ยวข้อง มีส่วนได้เสียโดยตรง

ดังนั้นเพื่อจะเจาะประเด็นร้อนได้ดี ได้ลึกถึงตับไต ไส้ พุง ก็ต้องแย่งชิงคนในข่าวกันอย่างดุเดือด   กว่าจะได้คนในข่าวมาอาจถึงขั้นที่ว่าใช้สารพัดกลยุทธ์ในการแย่งชิงและเก็บคนในข่าวเอาไว้ให้มาออกกับรายการของตนเป็นเจ้าแรกหรืออาจหวังให้ได้เป็นเจ้าเดียวก็ยิ่งเลิศ
ส่วนสำคัญส่วนแรกที่เป็นจุดเด่นของรายการประเภทนี้คือ พิธีกร ผู้ดำเนินรายการ ต้องมีการเตรียมงาน แนวทางคำถามที่ดี ปฏิภาณไหวพริบ คุมเกมการซักถามแหล่งข่าว บีบเค้นข้อมูล หาคำตอบออกมาให้ตรงประเด็น และยังต้องมีทีมงานไวต่อกระแสข่าวฮอต มีความสามารถในการติดต่อบุคคลเมื่อมาร่วมรายการได้อย่างรวดเร็ว
ต้นฉบับของพิธีกรรายการประเภทนี้ ในอดีตคือ “สุทธิชัย หยุ่น” อดีตเจ้าของค่ายเนชั่น ในแนวรายการข่าวถามตรง แรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข่าวแนวการเมือง เศรษฐกิจ และต่างประเทศ และส่งต่อมายังอดีตลูกหม้อ “สรยุทธ์ สุทัศนจินดา” ที่มาขยายบทบาทเป็นรายการที่จับกระแส ขยี้ข่าวที่เป็นที่สนใจของสังคม แนวชาวบ้าน กลายเป็นพิธีกรข่าวที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงมากที่สุดของวงการทีวีเมืองไทย
เมื่อ”สรยุทธ์”ต้องลาจอไป เกิดพิธีกรข่าวขึ้นมามากมาย พร้อมกับเกิดรายการประเภทฮาร์ดทอล์คข่าว ที่เกาะกระแสประเด็นเด่นของแต่ละช่วงเวลาขึ้นมากมาย พร้อมกับ”แจ้งเกิด”พิธีกรข่าวหน้าใหม่ขึ้นมามายมาย เท่าที่รวบรวมรายการหลักๆ ทางทีวีดิจิทัลมีทั้งหมด 7 รายการ

ที่เด่นที่สุดในช่วงนี้ ต้องยกให้ “โหนกระแส” ช่อง 3SD หรือช่อง 28 ที่ได้ “หนุ่ม- กรรชัย กำเนิดพลอย” พลิกจากบทบาทนักแสดงหนุ่มเจ้าชู้ สายเผือก “หนุ่มรู้ โลกรู้” มาทำหน้าที่พิธีกรรายการได้อย่างโดดเด่น มีลูกล่อลูกชน ควบคุมรายการ ดึงดูดความสนใจผู้ชมอย่างแรง ทำให้กลายเป็นหนึ่งในรายการที่บรรดาแหล่งข่าวที่อยู่ในกระแสมักจะเลือกที่จะมาออกอากาศ เพื่อเปิดเผยข้อมูล อาจเป็นเหตุมาจาก “หนุ่ม-กรรชัย” มีความเป็นกลางชัดเจน ไม่ทำร้ายคนในข่าวที่เป็นคนดี จนแหล่งข่าวเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ  ภาพรวมส่วนใหญ่ จะเป็นประเด็นข่าวร้อน ทางสังคม อาชญากรรม แต่จะไม่ก้าวเข้ามายุ่งเรื่องข่าวการเมือง

ในขณะที่ช่อง 8 มีรายการ “เจาะประเด็น” ของ “ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์” พิธีกรข่าวหลักของช่อง 8 อดีตนักข่าวฝีปากกล้า ถามตรง แบบเจาะประเด็นมาตลอด ยังคงยืนหยัดสู้กระแสดราม่าได้ต่อเนื่อง แต่เวลาออกอากาศชนกับ “โหนกระแส” เข้าจังๆ

ส่วน “จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ” จากรายการ”ถามตรงตรง” ช่องไทยรัฐ พิธีกรข่าวหญิงเพียงคนเดียว และ “พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี” จากรายการ “ต่างคนต่างคิด” ช่องอมรินทร์ทีวี ก็ยังเป็น 2 พิธีกรรายการข่าวที่อยู่ในกลุ่มถามแรง ตอบตรง บีบให้มั่น คั้นคำตอบ ขยี้ประเด็น ที่เป็นจุดเด่นของทั้งสองรายการ เนื้อหารายการครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องชาวบ้าน อาชญากรรม บันเทิง กีฬา รวมถึงการเมือง ทั้งสองรายการออกอากาศในช่วงเวลาใกล้เคียงกันในช่วงเย็น แต่ “ต่างคนต่างคิด” ได้เวลาออนแอร์ก่อน

ในช่วงเย็นยังมีรายการ “เป็นเรื่องเป็นข่าว” ช่องพีพีทีวี ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงพิธีกร จาก “เสถียร วิริยะพรรณพงศา” พิธีกรข่าวมือหนึ่งของพีพีทีวี มาส่งต่อให้รุ่นน้อง “ปวัน สิริอิสสระนันทร์” มารับช่วงต่อ

ในช่วงดึก มี 2 รายการที่จัดโดยอดีตลูกหม้อค่ายเนชั่นทั้ง 2 คน “เอาให้ชัด” ช่องวัน โดย เอกรัฐ ตะเคียนนุช อดีตพิธีกรข่าวรายการ “คม ชัด ลึก” ของเนชั่น ย้ายช่องมาอยู่ชายคาแกรมมี่ตั้งแต่ต้นปี ต้องมาแข่งกับค่ายเดิม “คม ชัด ลึก” เนชั่นทีวี ที่จัด “วรเทพ สุวัฒนพิมพ์” เป็นพิธีกร ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่ “คม ชัด ลึก”จะเน้นข่าวการบ้านการเมือง เศรษฐกิจ ในขณะที่ “เอาให้ชัด” เคยเปิดตัวด้วยแนวทอล์คสัมภาษณ์นักการเมือง แต่ดูเหมือนไม่ปัง แถมมีกระแส จึงหันมาเน้นแนวข่าวชาวบ้านมากขึ้น

สำหรับเรตติ้งของรายการเหล่านี้ในวันพฤหัสที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้ง 7 รายการ เลือกประเด็นฮอตมานำเสนอ 4 เรื่อง แสดงให้เห็นว่าต่างพยายามเจาะข่าวร้อน และฉีกประเด็นกันเต็มที่ รายการไหนออกอากาศเวลาใกล้เคียงกันก็หลบประเด็นกัน เลือกเสนอคนละแนวทาง

รายการที่ได้เรตติ้งสูงสุดของวัน ตกเป็นของ “ถามตรงตรง กับจอมขวัญ” ช่องไทยรัฐทีวี เลือกประเด็นข่าว “แพรวา” แถมรายการอยู่ในช่วงเย็น ช่วงที่มีคนดูสูง ได้เรตติ้งเฉลี่ย 0.677  ในขณะที่ “โหนกระแส”ของ “หนุ่ม-กรรชัย” ช่อง 3SD ที่เปิดประเด็นคำชี้แจงของ “แม่แพรวา” แม้รายการอยู่ในช่วงบ่าย แต่ก็ทำเรตติ้งไปได้ที่  0.415

“ต่างคนต่างคิด” ช่องอมรินทร์ รายการคู่แข่งของ “ถามตรงตรง” เลือกที่จะแตกต่างด้วยการขยี้ประเด็น  “เผชิญหน้าผู้ต้องสงสัย กับ ญาติโจ๋ 14 คดีอุ้มฆ่าศพทิ้งข้างถนน” ได้เรตติ้งเฉลี่ย 0.558

ส่วนในช่วงดึก “เอาให้ชัด” ช่องวัน มาหลังละครไพรม์ไทม์ ได้แรงส่งจากละคร หยิบประเด็น “นักเรียนนายร้อยตำรวจ ร่มไม่กาง” ได้เรตติ้งไป 0.507  ประเด็นนี้ตรงกับ “เป็นเรื่องเป็นข่าว” ช่องพีพีทีวี ใช้ประเด็นเดียวกัน แต่ออกอากาศในช่วงเย็นได้เรตติ้งไปที่ 0.115

“คมชัดลึก” ช่องเนชั่นทีวี ยังคงมาแนวข่าวเศรษฐกิจ การเมือง “เผือกร้อน ค่าแรง 400 หวั่นเจ๊งทั้งประเทศ”ดูจะเครียดไปนิด แต่ผู้ใช้แรงงานต้องติดตาม ได้เรตติ้งจากกลุ่มฐานผู้ชมช่องที่ 0.135

ปิดท้ายด้วย รายการ “เจาะประเด็น” ช่อง 8 มาตอนบ่าย ฉีกประเด็นจากรายการอื่นด้วย “สายลับสาวหล่อ ขอถอนตัว แต่ถูกขู่ฆ่า ยัดยายกครัว” ทำเรตติ้งเฉลี่ยไว้ที่ 0.161

จากข้อมูลเรตติ้งของกลุ่มรายการนี้ จะเห็นได้ว่า การหยิบประเด็น และพิธีกร มีบทบาทสูงต่อความนิยมของผู้ชม ยิ่งข่าวฮอต Talk of The Town ดราม่ากระจาย สังคมเกาะติด แถมตามดูต่อในสื่อออนไลน์ ตัดเป็นคลิปไฮไลท์ แชร์กันสนั่น

แต่ผลแพ้ชนะในด้านความชื่นชอบของผู้ชม อาจไม่สามารถตอบได้ด้วยเรตติ้งเพียงอย่างเดียว เพราะรายการออกอากาศเวลาไม่ตรงกัน

มิฉะนั้น คนในข่าวอาจไม่เลือก “หนุ่ม-กรรชัย” เป็นทางเลือกแรก โดยเฉพาะกับเรื่องร้อน สุดๆ ของสัปดาห์นี้ อย่างเรื่องคดีสาวแพรวา กับการชดใช้ตามคำสั่งศาล  ที่คุณแม่ของเธอเลือกโฟนอินมาขอโทษผู้เสียหายผ่านรายการ “โหนกระแส”ของ “หนุ่ม-กรรชัย” จนหลายรายการน่าจะตาร้อนกันทีเดียว

Tagged