ระส่ำ รับการคืนช่อง  ช่อง 3 เตรียมเอาคนออก 200 คน

Byพันตา (Panta) ช่อง 3 บทวิเคราะห์

By พันตา (Panta)

ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เรียกได้ว่าเป็นสภาพฝืดเคือง  ประกอบกับการคืนช่องตามคำสั่งคสช.มาตรา 44 ทำให้มีข่าวคราวการลดจำนวนพนักงาน การเลิกจ้าง หรือแม้กระทั่งยุบฝ่ายงานในหลายช่องทีวีดิจิทัล เพื่อลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายออกมาเป็นระยะ  เช่นเดียวกับวิก 3 พระราม 4 ในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา มีรายงานจากแหล่งข่าวและข่าวลือจากกลุ่มพนักงานช่อง 3 ว่า ช่อง 3 มีแผนการลดพนักงานเป็นระลอกที่ 3  เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างและการคืนช่อง 3SD  และ 3Family และได้เริ่มมีการเสนอแพคเกจเพื่อให้พนักงานสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว

กลุ่มช่อง 3 มีพนักงานรวมประมาณ 1,700 คน  มีข่าวสะพัดว่า ครั้งนี้กลุ่มช่อง 3 ได้ตั้งเป้าจำนวนคนลาออกทั้งหมดประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานฝ่ายข่าว ซึ่งมีรายงานข่าวว่ามีการแจ้งเบื้องต้นให้พนักงานรับรู้แล้วว่าจะมีแพคเกจ ซึ่งมีกระแสข่าวมาว่า รูปแบบการลดพนักงานครั้งนี้ในช่วงแรกจะเป็นรูปแบบการเข้าร่วมโครงการแบบสมัครใจก่อน และในขั้นตอนต่อมาหากไม่ได้เป้าตามสมประสงค์ ก็จะต้องมีการคัดเลือกคนออก ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้

สำหรับค่าชดเชยจากการต้องออกจากงานนั้น มีรายงานข่าวว่า จะมีการจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมายแรงงาน และมีเงินเพิ่มพิเศษอีกจำนวนหนึ่ง

สำหรับฝ่ายข่าวในกลุ่มช่อง 3 นั้นมีพนักงานรวมทั้งหมดประมาณ 400 คน เนื่องจากต้องรองรับการทำข่าวทั้ง 3 ช่อง ของกลุ่มช่อง 3 แต่เมื่อกลุ่มช่อง 3 ต้องคืน 2 ช่อง ทำให้กลายเป็นฝ่ายที่ต้องได้รับผลกระทบมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ในปี 2561 กลุ่มช่อง 3 ก็เคยมีการประกาศลดพนักงานไปแล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนเม.ย. 61 และครั้งที่ 2 ในช่วงปลายปี 61 ที่เน้นกลุ่มผู้ที่อายุเกินกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยมีสาเหตุหลักเพื่อลดค่าใช้จ่ายแก้ไขปัญหาการขาดทุน

 สถานการณ์ของพนักงานในกลุ่มช่อง 3 ในขณะนี้ จึงยังไม่รู้อนาคตว่าใครจะได้รับแพคเกจ หรือใครจะโดนจิ้มออก 

บรรดาพนักงานได้รับการชี้แจงจากฝ่ายบริหารเพียงว่า สาเหตุสำคัญของการปรับลดพนักงานล็อตใหญ่ในครั้งนี้ เป็นการลดตามลักษณะงานที่ต้องลดลงจากการคืน 2 ช่องทีวีดิจิทัล ที่กลุ่มช่อง 3 ยังอยู่ระหว่างการทำแผนยื่นเรื่องถึงกสทช.เพื่อขอเงินชดเชยจากการคืนช่อง และแผนเยียวยาผู้ชมจากการยุติการออกอากาศ ที่คาดว่าจะปิดทั้ง 2 ช่องภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้

ท่ามกลางความระส่ำในหมู่พนักงานถึงสถานภาพการทำงานของตัวเอง แต่ในส่วนของฝ่ายบริหารนั้น ปรากฏว่า อยู่ในระหว่างรับทีมงานบริหารชุดใหม่ เพื่อมาร่วมทีมกับ “บี๋ อริยะ พนมยงค์” President คนใหม่ของกลุ่มช่อง 3 ที่มาจากบริษัท ไลน์ ประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มเปิดรายชื่อทีมผู้บริหารชุดใหม่เงินเดือนสูงมาเป็นระยะ โดยส่วนใหญ่มาจาก 3 กลุ่มบริษัท ตั้งแต่ไลน์ ประเทศไทย, กลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่และจากกลุ่มทรู และกำลังมีมาอีกเป็นระลอก

จึงเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหู ถึงนโยบายที่เหมือนจะขัดแย้งกันเองว่า ต้องการลดต้นทุนด้วยการลดพนักงาน แต่กลับรับฝ่ายบริหารชุดใหญ่ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงปี 2560 – 2561

การมารับตำแหน่งใหญ่ของ “บี๋ –อริยะ” มาจากการคาดหวังสูงของตระกูล “มาลีนนท์” ว่าจะเข้ามาช่วยฟื้นสถานะขาดทุนของกลุ่มช่อง 3 หลังจากที่ในปี 2561 บีอีซี เวิลด์ มีผลประกอบการขาดทุนทั้งปี 330 ล้านบาท จากรายได้รวม 10,375 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปี 2562 มียอดขาดทุนอยู่ที่ 128 ล้านบาท จากรายได้ 2,023.8 ล้านบาท

 อย่างไรก็ตามเมื่อพลิกดูผลประกอบการของไลน์ ประเทศไทย ในปี 2561 ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ก็พบว่ามีรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 2,331 ล้านบาท แต่มีสถานภาพขาดทุนรวมอยู่ที่ 475 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2560 ที่มีรายได้เพียง 950 ล้านบาท ถือว่ามีรายได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 145% แต่ในปี 2560 เป็นปีแรกที่บริษัทมีกำไรที่ 77 ล้านบาท แต่พลิกกลับมาขาดทุนในปี 2561 อีกครั้ง

ก้าวใหม่ ที่เป็นก้าวใหญ่ หวังพึ่งคนนอกมาบริหารเป็นครั้งที่สองในรอบ 3 ปี  คราวนี้จะนำพาให้ช่อง 3 ไปในทิศทางใด

ขอเอาใจช่วยทั้งพนักงานกลุ่มช่อง 3 และตระกูล “มาลีนนท์” ในฐานะผู้ก่อตั้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ช่อง 3 ให้พบกับความสดใสของฟ้าหลังฝน ไม่ต้องผจญกับเมฆดำทะมึน และฟ้าร้อง ฟ้าผ่าในระลอกต่อไป

Tagged