ราคาหุ้นเวิร์คพอยท์ สะท้อนภาพจริง หรือภาพมายาแห่งวงการทีวี

Byพันตา (Panta) บทวิเคราะห์ รายได้ทีวีดิจิทัล

 By พันตา (Panta)

เปิดครึ่งปีหลังของปี 2562 สถานการณ์ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ที่เคยไปแตะต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาที่18.80 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ก็ค่อยๆขยับตัวขึ้นมา จนในสัปดาห์ที่แล้วไต่ขึ้นไปปิดที่ 31.25 บาทต่อหุ้น จนทำให้เวิร์คพอยท์ต้องจัด Analyst meeting เป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากห่างเหินมานานตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากผลประกอบการลดลง หุ้นตก

ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ เคยทำสถิติราคาสูงสุดไว้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2560 ในราคา 105.5 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นช่วงพีคสุดของเวิร์คพอยท์ ที่ได้แรงส่งจาก The Mask Singer ที่ทำเรตติ้งและรายได้โฆษณามากในช่วงนั้น หลังจากนั้นราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ก็ค่อยๆปรับระดับลดลงมาจนอยู่ที่ระดับ 20-30 บาทต่อหุ้นในปัจจุบัน

ข้อมูลส่วนใหญ่ เป็นการอธิบายผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้ และแผนธุรกิจของครึ่งปีหลัง โดยในไตรมาสแรกนั้น มีผลรายได้ 733.1 ล้านบาท ลดลงจาก 885.1 ล้านบาทของปี 2561 ลดลง 17.2%  มีกำไรอยู่ที่ 74.5 ล้านบาท ลดลงถึง 55% จากกำไรของปีที่แล้วที่ได้165.6 ล้านบาท

สัดส่วนที่มาของรายได้นั้นพบว่า รายได้จากธุรกิจทีวีลดลง จากที่เคยมีรายได้ 774.5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 87.5% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 1 ของปี 2561 มาอยู่ที่ 534.3 ล้านบาท หรือ 72.9% ของปี 2562 เป็นการลดลง 31% โดยมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเด่นชัด จากมีรายได้ 39.8 ล้านบาทของช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.5%  มาอยู่ที่ 116.8 ล้านบาท  หรือสัดส่วน 15.9% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 193.8%

ทำให้มองเห็นสถานะภาพรวมว่า ในปีที่ผ่านมาหลังจากเจอสถานการณ์ความนิยมลดทำให้รายได้ตกลงแล้ว เวิร์คพอยท์ได้หันมาหารายได้เสริมในช่องทางอื่นๆ โดยการแทรกรายการขายสินค้าเข้าในมาในแต่ละช่วงเวลา แทนที่เวลาโฆษณาที่ลดลง ซึ่งได้ผลทำให้รายได้ของบริษัทจากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นทันที

เมื่อลงรายละเอียดของรายได้จากธุรกิจทีวีในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 534.3 ล้านบาทแล้ว ยังแยกเป็นส่วนรายได้ที่มาจากช่องทางคอนเทนต์ทางทีวีในสัดส่วน 87.3% และอีก 12.7 % มาจากช่องทางออนไลน์

ช่องทางจัดคอนเทนต์ลงออนไลน์ของเวิร์คพอยท์ นับเป็นช่องทีวีดิจิทัลที่มีความโดดเด่นที่สุดในการมีรูปแบบการจัดและหารายได้ทางช่องทางออนไลน์ มีฐานผู้ชมทางออนไลน์แน่นหนามากที่สุดช่องหนึ่ง


จากข้อมูลของนีลเส็นที่เก็บข้อมูลผู้ชมช่องเวิร์คพอยท์ทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่น , เว็บไซต์ Workpoint และ facebook ของเวิร์คพอยท์ โดยที่ยังไม่รวม YouTube แสดงให้เห็นว่ายอดผู้ชมออนไลน์ของเวิร์คพอยท์ในสถิติสูงมาก เฉพาะเดือนพ.ค.2562 เพียงเดือนเดียวมียอดรวมถึง 979 ล้านวิว นับเป็นจำนวนผู้ชมทั้งหมด 29.6 ล้านคน
ส่วนรายการที่มีผู้ชมออนไลน์สูงสุดคือ “ชิงร้อยชิงล้าน” มียอดผู้ชม 11 ล้านคน เป็นยอดวิว 101.9 ล้านวิว อันดับ 2 ได้แก่รายการ I Can See Your Voice มียอดผู้ชม 9 ล้านคน และจำนวน 46.7 ล้านวิว ส่วนอันดับ 3 เป็น The Mask Singer ผู้ชม 8.5 ล้านคน จำนวน 54.4 ล้านวิว
อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่สุดของคนทำทีวี คือคอนเทนต์ที่จะดึงดูดผู้ชมเข้ามารับชม สร้างเรตติ้งให้ช่อง ที่จะมีผลต่อรายได้โฆษณา ปรากฎว่าหลังจากการเติบโตสูงสุดของช่องจากรายการ The Mask Singer แล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีรายการใหม่ๆ เข้ามาสร้างกระแสความนิยมเทียบเคียงกันได้เลย ช่วงที่ผ่านมา เหมือนเป็นช่วงที่เวิร์คพอยท์ปรับทัพ หาคอนเทนต์ใหม่
จนกระทั่งล่าสุดเวิร์คพอยท์จัดรายการแนวใหม่ “10 Fight 10” ที่เวิร์คพอยท์ลงทุนร่วมกับ “เจ เจตริน” ในสัดส่วน 70: 30 รูปแบบการนำดารา คนดังในวงการมาขึ้นเวทีชกมวยกัน ออกอากาศไปได้ 4 ตอน ทำเรตติ้ง 2.175, 2.161 โดยตอนที่ 3 ทำเรตติ้งสูงสุดไว้ที่ 3.013 ส่วนตอนล่าสุดตอนที่ 4 เรตติ้งลดลงมาอยู่ที่ 2.898  แม้ว่าจะไม่สูงเท่ากับรายการ The Mask Singer แต่สำหรับในยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นรายการที่ทำเรตติ้งดีที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มรายการใหม่ที่เวิร์คพอยท์จัดมาในช่วงกลางปีนี้
“The Social ICON Thailand” พร้อมออนแอร์ 19 ส.ค.นี้ ต่อจาก “10 Fight 10”
ในขณะเดียวกันเวิร์คพอยท์เตรียมจัดรายการใหม่ The Social ICON Thailand ออกอากาศต่อจาก “10 Fight 10” ทันที เริ่มออนแอร์ตอนแรกคืนวันจันทร์ที่ 19 ส.ค.นี้ โดย The Social ICON Thailand เป็นรูปแบบรายการแนวใหม่ การคัดเลือกหาสุดยอดนักทำคลิปวิดีโอบน Facebook (Facebook VDO Creator) ไม่ว่าจะเป็นนักรีวิว, Cover เพลงคนชอบเที่ยว, คนชอบกิน, ทำอาหาร ก็สามารถเข้ามาแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัล และมีโอกาสได้ร่วมงานกับ Facebook ด้วย โดยเป็นหนึ่งในรายการที่เวิร์คพอยท์ตั้งความหวังสูงว่าจะสร้างความแปลกใหม่ ของรายการทีวี ที่หวังจะดึงคนในโลกออนไลน์ เข้ามาสู่วงการทีวี

ที่ผ่านมาเวิร์คพอยท์ มักมองหาแนวทางใหม่เสมอ เช่น การทำงานร่วมกับ LINE TV เสนอรายการ Infinite Challenge Thailand หรือ ซุปตาร์ท้าแข่ง รายการที่โปรโมทว่าสุดบ้า ฮาและท้าทาย ฟอร์แมทจากเกาหลี  การันตีความสนุกมากว่า 13 ปี  ดูก่อนใครบน LINE TV สนุกอีกทีที่ช่องเวิร์คพอยท์ เริ่มไปเมื่อ ศุกร์ 12 เม.ย.ที่ผ่านมาเวลา 2 ทุ่ม บน LINE TV  เวลา 3 ทุ่ม ที่ช่องเวิร์คพอยท์
แต่ข้อมูลเรตติ้งล่าสุด รายการนี้ได้เรตติ้งแค่ 0.974  ความสนุก 13 ปีในเกาหลี คงเป็นได้แค่สีสันความสนุกบนเวิร์คพอยท์ทีวี และก็เป็นอีกรายการที่กล่าวได้ว่าไม่ปังทางเรตติ้งอย่างที่คาดหวัง
ในขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจทีวียังอยู่ในช่วงความยากลำบาก เวิร์คพอยท์จึงพยายามมุ่งหน้าหาแหล่งรายได้ใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจขายสินค้า Home Shopping ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถทำรายได้ในปีนี้ได้ถึง 600 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจทีวี ต้องรอดูที่คอนเทนต์ต่างๆที่จัดลงไป หากถูกใจผู้ชมมีกระแส ก็น่าจะเพิ่มรายได้ให้บ้างโดยที่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ชัดว่าจะเป็นอย่างไร
แต่การที่หุ้นเวิร์คพอยท์ขึ้นมามากในช่วงนี้ น่าจะมีสาเหตุหลักมาจาก ราคาหุ้นลงไปต่ำสุดมาแล้ว เมื่อเริ่มมีกระแสว่าอาจจะมีบางรายการได้รับความนิยม จึงมีการเริ่มให้ความสนใจหุ้นเวิร์คพอยท์อีกครั้งเท่านั้นเอง ยังไม่สามารถสะท้อนภาพจากธุรกิจได้ชัดเจน

ราคาหุ้นเวิร์คพอยท์ ล่าสุดวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ก็ลดลงมาเหลือ 28 บาทต่อหุ้น

ปัจจุบันเรตติ้งเฉลี่ยของช่องเวิร์คพอยท์ เป็นช่องทีวีดิจิทัลอันดับ 4 โดยในรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้มีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 0.697 ลดลงจากปี 2561 ที่ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 0.769 ทั้งนี้ในช่วงพีคสุดของเวิร์คพอยท์อยู่ในปี 2560 ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.001 โดยอยู่ในอันดับ 3

Tagged