ช่อง 3 และช่องวัน 31 เป็น 2 ช่องทีวีดิจิทัล ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ในยุคที่คนดูรายการทีวีลดลงเรื่อยๆ ทำให้ต่างก็เจอสถานการณ์ไม่ต่างจากช่องอื่นคือ รายได้จากการขายเวลาโฆษณา ที่เข้ามาสนับสนุนรายการทีวีแบบเดิมลดลงต่อเนื่อง อย่างไตรมาส 3 ปี 2568 ช่อง 3 มีรายได้จากโฆษณา 709.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 100 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 13% ส่วนช่องวันรายได้ 959.82 ล้านบาท ลดลงประมาณ 225 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 19.01%
แต่ทั้งช่อง 3 และช่องวัน จึงพยายามหาโมเดลรายได้จากธุรกิจใหม่มากพักใหญ่ โดยเฉพาะการบริหารศิลปินเพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ และการสร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง ที่ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาโดยช่องวันได้ตัวเลขที่ยิ้มได้อย่างน่าสนใจเพราะรายได้ในกลุ่มนี้ช่องวันได้เพิ่มขึ้น
รายได้จากการบริหารจัดการศิลปิน ทั้งรูปแบบศิลปินจริง, ศิลปินแบบ Mascott ของช่องวัน ที่เรียกว่า Idol Marketing มีรายได้ 406.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 63.62% และ รายได้การจัดอีเวนต์ มีรายได้ 340.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.48% หรือรวมกัน 747.24 ล้านบาท ส่วนช่อง 3 รายได้จากบริหารศิลปิน และจัดอีเวนต์ รวมกัน 268.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.7%
กลยุทธ์กลุ่มช่องวัน กับ Idol Marketing
ถ้าไปดูรายละเอียดจะเห็นว่าช่องวันได้อธิบายกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ช่องวันเรียกว่า Idol Marketing ได้อย่างน่าสนใจโดยสรุปคือ
- มาจากความต้องการของตลาด (Market Demand) ที่แบรนด์สินค้าชั้นนำทั้งในระดับประเทศ (Local Brand) และระดับสากล (Global Brand) ให้ความสำคัญในการใช้กลยุทธ์ผู้นำเสนอสินค้า (Presenter) และตัวแทนของแบรนด์ (Brand Ambassador) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- เทรนด์การตลาดผ่านผู้มีอิทธิพลทางความคิด (KOL: Key Opinion Leader) มาแรงซึ่งกลุ่ม ที่กลุ่มวัน มีศิลปินในสังกัดทุกระดับ กว่า 300 คน เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม (Portfolio Diversity)
- การเข้าถึงกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha ด้วยกลยุทธ์ที่สำคัญ (Strategic Highlight) คือการสร้างศิลปินในรูป Mascot Idol เช่น POLCASAN, SMYLE, NEONA)เป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และมีต้นทุนการดำเนินงานที่คุ้มค่า (Cost-Effective) ส่งผลให้กลุ่มวันมีเครือข่ายศิลปินที่สามารถ
- ครอบคลุมตลาด (Market Coverage) ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ในทุกส่วนตลาดศิลปิน 300 คนกับกลยุทธ์การต่อยอดสร้างรายได้
ความสำเร็จในการบริหารศิลปิน จึงมาควบคู่กับอีเวนต์ คอนเสิร์ต ทำให้มีจำนวนวนการจัดงานคอนเสิร์ตและกิจกรรมแฟนมีต (Fan Meet) ทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มขึ้น
อย่างชัดเจนเป็น 84 งาน ในไตรมาส 3 จาก 48 งานในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในปีนี้ ไตรมาส 3 มีการจัดในประเทศ 27 งาน และงานที่จัดในต่างประเทศ 57 งาน ทั้งในทวีป เอเชีย เช่น ไต้หวัน, ฮ่องกง, จีน, เวียดนาม, ญี่ปุ่น รวมไปถึง ยุโรป และอเมริกา ส่วนคอนเสิร์ตในประเทศที่ได้รับผลการตอบรับอย่างดี เช่น
- “THE GOLDEN SHOW CONCERT 2025” ที่เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์
- “GEMINI FOURTH A.W.A.K.E CONCERT” ที่ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี
- “DAOU OFFROAD [LOVE AT FIRST FIGHT] FAN CONCERT” ที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี
- “JUNIOR MARK ShineRise FANCON” ที่ ยูเนี่ยน ฮอลล์ ยูเนี่ยน มอลล์
กลุ่มบริษัทวัน ยังอธิบายไว้ว่า ประสบความสำเร็จในการสร้างคู่ศิลปิน (Artist Pairing) ใหม่ๆ ทั้งในรูปแบบ Boy-Love, Girl-Love และศิลปินหน้าใหม่
(New Faces) โดยเฉพาะศิลปินของกลุ่มบริษัทมีฐานแฟนคลับที่มีความผูกพันสูง (Strong Fanbase) ทำให้สามารถจัดคอนเสิร์ตและแฟนมีตได้ทั้งในและต่างประเทศ
ศิลปินที่เป็นที่นิยมในไตรมาส 3 ปี 2568 อาทิ วิน–เมธวิน, เจมีไนน์–โฟร์ท, ต้าห์อู๋–ออฟโรด, ปอนด์–ภูวินทร์, จิมมี่–ซี, สกาย–นานิ, ลูกหมี–ซอนญ่า งานศิลปินดัง รับงานโชว์ตัว, งานพรีเซนเตอร์, Brand Ambassador โดยมีเกณฑ์คัดเลือกสินค้าที่จะรับงานพรีเซนเตอร์ของศิลปินแต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของศิลปินอย่างเหมาะสม และพัฒนาต่อเนื่องในระยะยาวตามเส้นทางที่วางแผนร่วมกับศิลปิน
นอกจากนี้ยังมีศิลปินในรูปแบบ Mascot จาก GMMTV ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในไตรมาสนี้ชื่อว่า “POLCASAN” หรือ “โพก้าซัง” เป็นมาสคอตลูกครึ่งตัวเป็นหมีขาวและมีหางเป็นวาฬ ยังมีผองเพื่อน Mascot เช่น SMYLE, NEONA, BABII, KINGMAN และอื่นๆ ซึ่งรับงานพรีเซนเตอร์ต่างๆ เสมือนเป็นศิลปินคนหนึ่งของบริษัท และสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถต่อยอดหารายได้จากการขาย Merchandising ได้อีกด้วย โดยศิลปินในรูปแบบ Mascot ถือเป็น Trend ใหม่ที่น่าติดตามและกลุ่มบริษัทไม่ละเลยที่จะหาโอกาสทางธุรกิจจากแนวโน้มรูปแบบใหม่นี้
จากการที่มีฐานแฟนคลับที่ผูกพันกับศิลปิน ทำให้ต่อยอดไปสร้างรายได้จาก ธุรกิจ Merchandising ที่ไตรมาส 3 มีรายได้ 249.38 ล้านบาท หรือเติบโต 115.68% จากปีที่แล้ว มาจากสินค้า เสื้อผ้า, เครื่องแต่งกาย, ตุ๊กตา, Art-Toy, Photobook) โดยเน้นรูปแบบ Limited Edition และบางส่วนใช้ระบบสั่งจองล่วงหน้า (Pre- Order) เพื่อบริหารความเสี่ยงในการสต๊อกสินค้าอีกด้วย
ที่มา:ONEE Analyst MeetingQ3/2025

