ช่องวัน 31 ที่อยู่ภายใต้ชื่อบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) มีรายได้ และกำไรในไตรมาส 3 ปี 2568 ที่สดใส เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม ซึ่งจากบทวิเคราะห์ที่บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรายงานที่เผยแพร่ในเว็บถึงนักลงทุนบ่งบอกถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจที่น่าติดตาม
จากไตรมาส 3 ปีนี้ ที่มีรายได้รวม 2,007.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.83% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 12.17% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และมีกำไรสุทธิ 203.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.34% (YoY) และเพิ่มขึ้น 135.30% (QoQ) มีที่มาของรายได้มาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
-
- รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Content Marketing ซึ่งเป็นรายได้จากโฆษณา รวม 959.82 ล้านบาท ลดลง 19.01% (YoY) เพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และปัญาหาชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้มีผลต่อการตัดสินใจใช้เงินโฆษณาในสื่อทีวีของธุรกิจต่างๆ แต่ถ้าเปรียบเทียบไตรมาสที่ 2 กลับมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.74% เพราะคอนเทนต์หลากหลาย และการปรับตัวทำคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มใหม่อย่างออนไลน์
- รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Idol Marketing เติบโตอย่างมาก มีรายได้รวม 996.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.59% (YoY) และเพิ่มขึ้น 23.68% (QoQ) แบ่งเป็น รายได้จากการบริหารจัดการศิลปิน ทั้งรูปแบบศิลปินจริง, ศิลปินแบบ Mascott มูลค่า 406.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.62% (YoY) และเพิ่มขึ้น 16.21% (QoQ) รายได้การจัด Event ได้ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีรายได้ 340.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.48% (YoY) และเพิ่มขึ้น 23.83% (QoQ) และรายได้การจำหน่าย Merchandise 249.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.68% (YoY) และเพิ่มขึ้น 37.91% (QoQ) ซึ่งเป็นที่ต้องการของแฟนคลับ และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง ประมาณ 30-40% เช่นเดียวกับ Content Marketing
- กลุ่มธุรกิจ Production Business มีรายได้ 35.42 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.78% YoY แต่เพิ่มขึ้น 15.42% QoQ
จะเห็นว่า รายได้โฆษณาของทีวีช่องวันลดลงเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมทีวี แต่ช่องวัน มีธุรกิจ Idol Marketing ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก และต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ จนสามารถทำรายได้มากกว่าธุรกิจช่องทีวีทั่วไป นอกจากนี้หากดูตัวเลขรายได้ 9 เดือนของปีนี้ จะเห็นว่ามีรายได้จากออนไลน์สัดส่วน 36% จากทีวี 64% ส่วนรายได้จากประเภทรายการ มีสัดส่วนรายได้จากละคร 33% วาไรตี้ 29% ข่าว 26% และอื่นๆ 12%
จุดแข็งของช่องวันในการดันรายได้ในอนาคต
- 200 ล้านคนในโลกออนไลน์
การมีฐานคนดูผ่านออนไลน์ทั้งหมด 200 ล้านคน รวมจากทุก Platform ทั้ง YouTube, Facebook, Instagram, TikTok เป็นการเตรียมพร้อมที่ช่องทีวีดิจทัลต้องปรับกลยุทธ์และโครงสร้างธุรกิจให้เข้าสู่ออนไลน์ รับมือกับการเกิด Digital disruption ที่กระทบต่อธุรกิจโทรทัศน์ การมีจำนวนผู้ติดตามผ่านทางช่องทางออนไลน์ทั้งหมดกว่า 200 ล้านคนในหลายแพลตฟอร์ม ทำให้ลดความเสี่ยงและช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น

- OTT ของตัวเอง OneD Application
การมีแพลตฟอร์ม OTT ของตัวเอง คือ OneD Application เพื่อรับมือความท้าทายจากแพลตฟอร์ม OTT และโซเชียลมีเดียต่างชาติ ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นหลักในตลาด การมีแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงแพลตฟอร์มต่างชาติเพียงอย่างเดียว และยังช่วยกระจายความเสี่ยงด้านการควบคุมการออกอากาศและการสร้างรายได้จากคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ศิลปิน นักแสดงกว่า 300 คน กับ Idol Marketing
การตลาดแบบ Idol Marketing ซึ่งกลายเป็นตัวสร้างรายได้ จึงเร่งต่อยอดรายได้ไปที่กลุ่มธุรกิจ Idol Marketing เพื่อขยายโอกาสจากกลุ่มดาราและศิลปินคุณภาพ ขยายฐานรายได้จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ย้อนดูรายได้กำไรในอดีต และคาดการณ์อนาคต
จากจุดแข็งนี้ทำให้บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีได้ประเมินว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องส่วนกำไรอาจไม่สูงเหมือนในอดีตดังนี้
ปี 2564 เคยมีรายได้ 5,347 ล้านบาท กำไร 828 ล้านบาท
ปี 2565 เคยมีรายได้ 6,128 ล้านบาท กำไร 739 ล้านบาท
ปี 2566 เคยมีรายได้ 6,432 ล้านบาท กำไร 505 ล้านบาท
ปี 2567 เคยมีรายได้ 6,610 ล้านบาท กำไร 421 ล้านบาท
ปี 2568 คาดรายได้ 6,878 ล้านบาท กำไร 334 ล้านบาท
ปี 2569 คาดรายได้ 7,278 ล้านบาท กำไร 300 ล้านบาท
ปี 2570 คาดรายได้ 7,700 ล้านบาท กำไร 310 ล้านบาท
แผนการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถทำกำไรได้ดีขึ้นนั้น ช่องวัน จะบริหารต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ บริการศิลปิน และการเปิดตัวคู่ใหม่ ๆ บริหารต้นทุนโชว์ให้มีรายได้ดีขึ้น ต่อยอด ธุรกิจ Merchandise ไปยังธุรกิจใหม่มากขึ้น และที่สำคัญคือ ใช้ข้อมูลเพื่อวางแผนเชิงกลยุทธ์
ที่มา:ONEE Analyst MeetingQ3/2025

