เงินโบยบินไปไหน ทำไมเวิร์คพอยท์ไตรมาสแรก กำไรหด 55%

ผลประกอบการ

เวิร์คพอยท์ยังคงเผชิญหน้าสถานการณ์รายได้ลด กำไรหด ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 มาถึงไตรมาสแรกของปี 2562 เวิร์คพอยท์ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์ว่า มีรายได้รวมอยู่ที่ 733.07 ล้านบาท ลดลง 17% มีกำไรอยู่ที่ 74.52 ล้านบาท ลดลงถึง 55% จากรายได้ธุรกิจทีวีตก จึงต้องพึ่งพา Home Shopping

รายได้ของกลุ่มเวิร์คพอยท์มาจากทั้งหมด 4 ส่วน แต่รายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจทีวีดิจิทัลมาโดยตลอด เมื่อธุรกิจทีวีมีรายได้ลดลง จึงทำให้รายได้โดยรวมของบริษัทลดลงด้วย ในไตรมาส1/24562 เวิร์คพอยท์รายงานว่า มีรายได้ในส่วนนี้ 534.32 ล้านบาท ลดลงถึง 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 774.54 ล้านบาท ซึ่งเวิร์คพอยท์ชี้แจงว่า มาจากสภาพการแข่งขันสูงในอุตสาหกรรมทีวี แต่ช่องเวิร์คพอยท์ได้มีการปรับผังรายการใหม่ไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีผลงานความนิยมที่ดีขึ้น

ในขณะที่รายได้ในส่วนอื่นๆ มีทั้งเพิ่มและลด โดยส่วนที่เพิ่มมาจากรายได้จากกการจัดงานอีเวนต์ งานแฟร์ต่างๆ โดยมีรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 66.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% จากปีที่แล้วที่มีรายได้เพียง 27.68 ล้านบาท

รายได้จากการขายสินค้าและบริการ ที่ประกอบไปด้วยการทำ Home Shopping ในชื่อ 1346 Hello Shop และขายสินค้าประเภทเสริมความงาม “Let Me In Beauty ” และ “Me Vio“ ในขณะที่รายได้จากการบริการ เช่น การให้เช่าพื้นที่โรงละคร โดยรวมรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 116.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 194% จากปีที่แล้วที่มีรายได้เพียง 39.69 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้จากการขายสินค้า Home Shopping เป็นรายได้มากกว่า 84% ของรายได้ในกลุ่มนี้

ส่วนกลุ่มที่รายได้ลด คือกลุ่มรายได้จากการจัดละครเวที และคอนเสิร์ต และสปอนเซอร์โรงละคร เนื่องจากในไตรมาสแรกปีนี้ ไม่ได้มีการจัดงานคอนเสิร์ตเลย จึงมีรายได้อยู่ที่เพียง 15.35 ล้านบาท ลดลง 64% จากที่เคยมีรายได้ 43.14 ล้านบาทในปีที่แล้ว

ในขณะที่รายได้ลด ค่าใช้จ่ายของบริษัทก็เพิ่มขึ้นด้วย เป็นผลมาจากการค่าใช้จ่ายในการขายสินค้า Home Shopping จึงทำให้กำไรของเวิร์คพอยท์ลดลงถึง 55%

เวิร์คพอยท์เป็น Rising Star ของกลุ่มทีวีดิจิทัลตั้งแต่ช่วงปีแรกของการเปิดตัวธุรกิจทีวีดิจิทัล ด้วยการระดมกลุ่มคนครีเอทีฟในวงการทีวี สร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆลงผัง เคยมีผลประกอบการรุ่งโรจน์มากที่สุดในปี 2560 ด้วยรายได้สูงถึง 3,852.50 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 904.09 ล้านบาท จากการประสบความสำเร็จของรายการวาไรตี้ เกมโชว์หลายรายการ โดยเฉพาะรายการ The Mask Singer ทำให้เรตติ้งอันดับช่องอยู่ในอันดับ 3 มีเรตติ้งจ่อติดช่อง 3 ที่อยู่ในอันดับ 2 จนมีการคาดการณ์ว่าจะขึ้นไปแทนที่อันดับ 2 ได้ในไม่ช้า

แต่หลังจากนั้นในปี 2561 ก็เริ่มได้รับความนิยมลดลง เนื่องจากยังไม่มีรายการฮิตติดกระแส จนได้เรตติ้งเฉลี่ยทั้งปี อยู่ในอันดับ 4 ตามหลังช่อง 7 ช่อง 3 และโมโน

Tagged