กลุ่มช่อง 3 ไตรมาส 2 / 64 : ขายลิขสิทธิ์ละครทำกำไร รายการข่าวสร้างรายได้

ผลประกอบการ

 บริษัท บีอีซี เวิลด์ หรือกลุ่มช่อง 3 แจ้งผลประกอบการของ ไตรมาส 2 ปี 2564 ต่อตลาดหลักทรัพย์ พบว่า รายได้รวมของบริษัท อยู่ที่ 1,504.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 320.9 ล้านบาท หรือ 27.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,183.8 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายโฆษณา ในคอนเทนต์ข่าวและละครที่แข็งแรงขึ้น โดยคอนเทนต์ข่าวมีการปรับปรุงผังรายการข่าว รวมถึงการได้ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กลับมาดำเนินรายการ และละครใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการปรับผังรายการต่างๆตามเม็ดเงินโฆษณา

ทั้งนี้รายได้จากขายเวลาโฆษณาอยู่ที่ 1,222.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 335.3ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 37.81% โดยรายได้จากการขายเวลาโฆษณาเพิ่มขึ้นมาจากการขายนาทีโฆษณาที่เพิ่มขึ้น และมีการเติบโตจากจํานวนลูกค้าที่มากขึ้นจากการกระตุ้นยอดขาย ที่เกิดจากการปรับปรุงคอนเทนต์รายการข่าวและละครดังกล่าวทําให้สามารถเพิ่มนาทีขายได้ดีขึ้น รายได้โฆษณายังเป็นรายได้หลักของบริษัทมีสัดส่วนถึง 81.2%

ในขณะเดียวกันรายได้จากขายลิขสิทธิ์ละครไปต่างประเทศ และธุรกิจ Digital Platform ใน Ch3+ ทำให้มีรายได้ในไตรมาสนี้ถึง 274.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.2% ของรายได้รวมของกลุ่ม

โดยในไตรมาสที่ 2/2564 นี้ กลุ่มช่อง 3 ได้ ขายลิขสิทธิ์ละครออกอากาศแบบ Simulcast 3 เรื่อง ไปยังต่างประเทศ ได้แก่ อุบัติร้ายอุบัติรัก (Accidental Love),พราวมุก(Prao Mook), สองเสน่หา (The Unidentical Twins) และได้มีการประกาศการทำ Simulcast ละคร 6 เรื่องไปแพลตฟอร์ม Netflix ประกอบด้วย ให้รักพิพากษา (Dare To Love),พิศวาสฆาตเกมส์(The Deadly Affair), Help Me คุณผีช่วยด้วย (Help me oh my ghost),ดวงตาที่สาม (I See Dead People),เกมล่าทรชน(Game of Outlaws), คุณหมีปาฏิหาริย์ (The miracle of Teddy Bear) ซึ่งเป็นซีรีส์วาย โดยทั้ง 6 เรื่องจะทยอยออกอากาศและรับรู้รายได้ในช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2564 ถึงไตรมาสที่ 1/2565

ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะพื้นตัวแต่การพื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัดจากผลกระทบของ COVID-19 ที่ระบาดอย่างรุนแรงทำให้ต้องมีการปิดกิจการบางประเภทและการห้ามเดินทางข้ามจังหวัดในพื้นที่สีแดง รวมถึงความเสี่ยงจากการชุมนุมทางการเมืองภายในประเทศ แต่ไตรมาส 2 ปีนี้ BEC มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 184.7 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 169.2% จาก ไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ขาดทุน 266.8 ล้านบาท โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาการเติบโตของธุรกิจการขายลิขสิทธิ์ละครไปต่างประเทศ และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม

จากรายงานข้อมูลงบการของ BEC มีการลดต้นทุนดําเนินการ จากการลดขนาดองค์กรในการยุติการออกอากาศช่อง3ในระบบอนาล็อกหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน โครงการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยต้นทุนรวมของกลุ่ม BEC ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 อยู่ที่ 1047.7ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาสที่ 2 ปี2563 โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเกิดจากต้นทุนการออกอากาศรายการกีฬาวอลเลย์บอลและต้นทุนค่าตัดจ่ายละครที่เพิ่มขึ้นจากการออกอากาศละคร First-Run

 

Tagged