ตลาดโฆษณาทีวีดิจิตอล 5 ปีย้อนหลัง (2557- 2562) เปลี่ยนแปลงอย่างไร

มูลค่าโฆษณา

ข้อมูลจากไลน์ทางการของ กสทช.ได้รายงานตลาดโฆษณาทีวีดิจิตอล 5 ปีย้อนหลัง

มูลค่าตลาดโฆษณาทีวีดิจิตอลในรอบ 5 ปี (2557-2562)

มูลค่าตลาดโฆษณาทีวีดิจิตอลในรอบ 5 ปี แสดงให้เห็นทิศทางของรายได้จากค่าโฆษณาของธุรกิจ โทรทัศน์ที่มีการกระจายตัวไปหลากหลายช่องมากขึ้น ช่องทีวีดิจิตอลที่เกิดขึ้นใหม่เข้ามาชิงส่วนแบ่งมูลค่า ตลาดโฆษณาวงการโทรทัศน์จากผู้ประกอบการโทรทัศน์รายเดิมได้ในสัดส่วนที่มากขึ้น จากส่วนแบ่งเพียง 12.69% ของมูลค่าโฆษณารวมในตลาด 7.3 หมื่นล้านบาท ในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 42.29% ของมูลค่ารวม 6.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2561 และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

มลูค่าตลาดโฆษณาวงการโทรทัศน์ เป็นแหล่งรายได้สำคัญที่สามารถระบุทิศทางการเติบโตของธรุกิจโทรทัศน์ด้วยมูลค่าตลาดหลายหมื่นล้านบาทต่อปี สามารถสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องในวงการโทรทัศน์ และการจ้างงาน เติบโตขึ้นต่อเนื่อง การเข้ามาของทีวีดิจิตอลช่องใหม่ๆ ตั้งแต่ปี 2557 ได้ค่อยๆ สร้างการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้าง

รายได้ของกลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์รายเดิม และรายใหม่ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

จากข้อมูล มูลค่าตลาดโฆษณาที่ประมาณการจากทุกช่องของโทรทัศน์ภาคพี้นดินจัดทำ โดย นีล เส็น ได้แบ่งมูลค่าตลาดโฆษณาของธุรกิจทีวีดิจิตอล ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มช่องเดิม ที่ประกอบไปด้วย ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 และช่อง NBT และกลุ่มทีวีดิจิตอลช่องใหม่ทั้งหมด พบว่า รายได้ของกลุ่มช่องเดิม มีสัดส่วนลด ลงทุกปี จากปี 2557 ซึ่งเป็นปีแรกที่ทีวีดิจิตอลเปิดให้บริการ สัดส่วนรายได้ของกลุ่มฟรีทีวีเดิม คิดเป็น 87.31% หรือ มูลค่า 63,776.30 ล้านบาท ในขณะที่ช่องใหม่รวมกันมีมูลค่าเพียง 12.69% หรือ 9,265.77 ล้านบาทเท่านั้น แต่มาในปี 2561 มูลค่าตลาดของกลุ่มช่องเดิมลดลงเหลือเพียง 38,529.86 ล้านบาท หรือ 56.71% ในขณะที่ กลุ่มช่องใหม่รวมกันมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29,417.35 ล้านบาท หรือ 43.29% แสดงให้เห็นว่าทีวีดิจิตอล ช่องใหม่ๆ เริ่มเข้ามาครองตลาดได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในกลุ่มช่องเดิมนั้น ช่อง 3 และ ช่อง 7 ยังคงเป็น 2 ช่องหลักที่มีมูลค่าโฆษณาสูงสุด ประมาณ 60-80% ของมูลค่าโฆษณาในกลุ่มช่องเดิมทั้งหมด

อย่างไรก็ดี รายได้ของทั้ง 2 ช่อง ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยเป็น 2 ช่องหลัก ของธุรกิจฟรีทีวี เริ่มมีการกระจายตัวออกไปยังช่องที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มช่องที่ติดอันดับเรตติ้ง ในกลุ่ม TOP 5 ในแต่ละปี ซึ่งได้แก่ ช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี และช่อง Mono 29

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ตัวเลขมูลค่าโฆษณาของทั้งช่อง Mono 29 และช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี มีอัตราการ เติบโตต่อเนื่องในทุกๆ ปี สอดคล้องกับตัวเลขเรตติ้งความนิยมของทั้ง 2 ช่อง ที่ในระยะแรกช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี อยู่ในอันดับ 3 และช่อง Mono 29 อยู่ในอันดับ 4 แต่ในปี 2561 ช่อง Mono 29 แซงช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ขึ้นเป็น อันดับ 3 ได้สําาเร็จ

กลุ่มช่อง SD มูลค่าโฆษณาเติบโตมากสุด ในช่วง 5 ปี

หากจัดมูลค่าโฆษณาของช่องทีวีดิจิตอลตามประเภทใบอนุญาตของ กสทช. ในช่องหมวดหมู่ทั่วไปแบบ ความคมชัดสูง (HD) หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดปกติ (SD) ช่องหมวดหมู่ข่าวสารและสาระ ช่องหมวดหมู่ เด็ก เยาวชน และครอบครัว และช่องทีวีสาธารณะ พบว่า มูลค่าโฆษณาในกลุ่มช่อง HD ยังคงเป็นกลุ่มที่มีมูลค่า โฆษณาสูงสุด ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ช่องใหญ่ ได้แก่ ช่อง 7HD และช่อง 3HD และอีก 5 ช่อง ได้แก่ ช่อง 9 MCOT HD ช่องไทยรัฐทีวี ช่อง One ช่อง AMARIN TV HD และช่อง PPTV โดยมูลค่าส่วนใหญ่ยังอยู่กับช่อง 3HD และ ช่อง 7HD เป็นหลัก แต่มีช่อง One และช่องไทยรัฐทีวี ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน่าจับตา ซึ่งสอดคล้องกับ เรตติ้งเฉลี่ยของแต่ละช่องที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ในช่วงปี 2557-2561 สัดส่วนมูลค่าของกลุ่มช่อง HD ไม่ได้ ลดลงมากนัก โดยในปี 2557 มีมูลค่ารวมกัน 7 ช่องประมาณ 53,551.89 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 73.32 % ของมูลค่ารวม และค่อยๆ ลดลงมาอยู่ที่ 42,170.34 ล้านบาท หรือ 62.06% ในปี 2561

ในขณะที่กลุ่มช่อง SD จําานวน 7 ช่อง ที่ประกอบไปด้วย ช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ช่อง True4U ช่อง GMM 25 ช่อง SPRING 26 ช่อง 8 ช่อง 3SD และช่อง Mono 29 เป็นกลุ่มช่องที่มีการเติบโตของมูลค่าโฆษณาสูงสุด โดยในปี 2557 มีมูลค่า 4,536.83 ล้านบาท หรือ 6.21% ของมูลค่ารวม และค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกปีจนมีอัตรา การเติบโตแบบก้าวกระโดดจนมีมูลค่ารวม 18,045.28 ล้านบาท หรือ 26.56% ของมูลค่ารวมในปี 2561 ทั้งนี้ ช่องรายการในกลุ่มช่อง SD ที่มีเติบโตต่อเนื่องมากที่สุด ในช่วงปีแรกๆ ของทีวีดิจิตอล คือ ช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ช่อง Mono 29 และช่อง 8

กลุ่มช่องข่าวสารและสาระ ในปี 2557 มีทั้งหมด 7 ช่อง ซึ่งได้แก่ ช่อง TNN ช่องไทยทีวี ช่อง NEW 18 ช่องสปริงนิวส์ ช่อง Bright TV ช่อง Voice TV และช่อง Nation TV โดยมีมูลค่าโฆษณารวมทั้งหมด 2,420.53 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.31 % ของมูลค่ารวม อย่างไรก็ดีในปีถัดมา ช่องข่าวสารและสาระเหลืออยู่เพียง 6 ช่อง เนื่องจากช่องไทยทีวีหยุดกิจการไป ทั้งนี้ มูลค่าการโฆษณาช่องข่าวสารและสาระมีการเติบโตในช่วงปี 2558-2559 และค่อยๆ ลดลงจนเหลืออยู่เพียง 2,592.38 ล้านบาทในปี 2561 หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.82% ของ มูลค่ารวม

สําาหรับกลุ่มช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว มีทั้งหมด 3 ช่องในปีแรกที่มีทีวีดิจิตอล ประกอบไปด้วยช่อง 3Family ช่อง MCOT Family และช่อง LOCA ของกลุ่มไทยทีวี โดยช่อง LOCA หยุดการออกอากาศไปในปี 2558 จึงเหลือช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัวอยู่เพียง 2 ช่องเท่านั้น ทั้งนี้ กลุ่มช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว เป็นกลุ่มที่มูลค่าโฆษณาทรงตัว ไม่มีการเติบโตมากนัก

กลุ่มช่องของหน่วยงานภาครัฐ มีทั้งหมด 4 ช่อง ได้แก่ ช่อง 5 ช่อง NBT ช่องไทยพีบีเอส และช่องทีวี รัฐสภา แต่ช่องรายการที่สามารถโฆษณาได้มีเพียงสองช่อง คือ ช่อง 5 และช่อง NBT ซึ่งจากข้อมูลในปี 2557 พบว่า ช่องภาครัฐมีมูลค่าโฆษณารวมกันได้ 11,995.25 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มากจากช่อง 5 ที่มีผู้ผลิต รายการจําานวนมากเช่าเวลาออกอากาศ แต่อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา บรรดาผู้ผลิตรายการของช่อง 5 ได้กลายเป็นผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิตอล จึงได้ถอดรายการของตนออกจากช่อง 5 แล้วมาออกอากาศที่ช่องดิจิตอล ของตนเอง ส่งผลให้มูลค่าโฆษณาของช่อง 5 ลดลงมาก และกระทบต่อมูลค่าโฆษณาของช่องภาครัฐโดยรวม จน ในปี 2561 ช่องภาครัฐมีมูลค่าโฆษณารวมประมาณ 4,515.43 ล้านบาท ซึ่งลดลงมากกว่าร้อยละ 50 นับจากปี 2557

โดยสรุปภาพรวมของตลาดโฆษณาของธุรกิจทีวีดิจิตอลในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นทิศทางมูลค่า ตลาดโฆษณาในแต่ละปี ที่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการช่องใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด โดยในปี 2558 เป็นปีที่มี มูลค่าตลาดโฆษณาสูงสุดถึงกว่า 7.8 หมื่นล้านบาท และค่อยๆ ลดลงมาอยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านบาทในปี 2561 ทั้งนี้ ปัจจัยสําาคัญที่ส่งผลให้มูลค่าโฆษณามีแนวโน้มลดลงคือ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของ ทีวีดิจิตอลในปี 2562 ที่มีช่องดิจิตอลจําานวน 7 ช่อง (ช่อง 3 Family ช่อง MCOT Family ช่อง Spring News ช่อง Bright TV ช่อง VOICE TV ช่อง Spring26 และช่อง 3 SD) ขอคืนใบอนุญาต ทําาให้อุตสาหกรรมทีวีดิจิตอล เหลือช่องรายการทั้งหมด 19 ช่อง ทั้งนี้ เม็ดเงินโฆษณาของช่องที่คืนใบอนุญาตจะกระจายไปยังช่องที่ยังออก อากาศอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงมูลค่าโฆษณาของแต่ละช่องได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นไป

Tagged