เวิร์คพอยท์ ไตรมาส 2/2562 กำไรลด 37% เหลือแค่ 72 ล้านบาท หวังพึ่ง TV Shopping

ผลประกอบการ

บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ เจ้าของช่องทีวีดิจิทัลช่องเวิร์คพอยท์ ได้แจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์ โดยมีกำไรลดลง 37% อยู่ที่ 72.56 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีกำไร 115.64 ล้านบาท ด้วยสาเหตุของรายได้จากธุรกิจทีวีที่มีการแข่งขันกันสูง จนทำให้มีรายได้ลดลง ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ TV Shopping ที่เป็นความหวังใหม่ เพิ่มสูงขึ้น

ในส่วนของรายได้รวมจากการประกอบการไตรมาส 2/2562 นี้ เวิร์คพอยท์ระบุว่า มีรายได้รวมอยู่ที่ 803.61 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาส 2/2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 841.30 ล้านบาท ที่รายได้ลดลงมากมาจากรายได้จากธุรกิจทีวีดิจิทัลช่องเวิร์คพอยท์ ที่มาจากรายได้ค่าโฆษณา ในไตรมาสนี้มีรายได้อยู่ที่ 597.77 ล้านบาท ลดลง 20% จาก 756.71 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว

ทั้งนี้เวิร์คพอยท์ชี้แจงว่า ได้มีการปรับผังรายการ ใส่รายการใหม่ที่ทำเรตติ้งได้ดีขึ้น ตั้งแต่รายการ “10 Fight 10” รายการที่นำดาราเซเลปมาขึ้นชกมวยบนเวทีสดๆ ทุกคืนวันจันทร์ ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.0  , “กล่องของขวัญ” ทุกเย็นจันทร์-ศุกร์ มี “ปัญญา นิรันดร์กุล” ดำเนินรายการเอง เรตติ้งเริ่มดีขึ้นมาอยู่ในระดับ 2 ได้แล้ว และ “คู่เฟคคู่แฟน” รายการที่ให้คนดูช่วยตามหาคนไหนคือคู่รักจริง คู่ไหนคู่ Fake  ทุกเที่ยงวันเสาร์ เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ในระดับ 1 กว่า โดยเวิร์คพอยท์คาดว่า ภาพรวมเรตติ้งของช่องจะเริ่มดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้

เวิร์คพอยท์ประสบภาวะความนิยมลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2561 ที่หล่นจากอันดับ 3 มาอยู่ที่อันดับ 4 ที่อยู่ในช่วงของการแสวงหารายการใหม่ที่ใช่อีกครั้ง หลังจากเคยโด่งดังสุดขีดจากรายการ “หน้ากากนักร้อง” จากความนิยมเรตติ้งของช่องที่ลดลง มีผลทำให้รายได้จากโฆษณาของช่องลดลงไปด้วยต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ยาวมาถึงปัจจุบัน ทำให้เวิร์คพอยท์ หันไปใช้ Model ใหม่ ในการเพิ่มเวลาของ TV Shopping ที่จัดลงในหลายช่วงเวลาของวัน

TV Shopping จึงเป็นกลยุทธ์การหาแหล่งรายได้ใหม่  โดยไม่พึ่งพารายได้จากค่าโฆษณาของเวิร์คพอยท์ แต่การจัดช่วงเวลาขายของ มีผลต่อเรตติ้งของช่องโดยรวมด้วยเช่นกัน เพราะเป็นปกติที่ช่วงเวลาที่ขายของ จะมีเรตติ้งลดลงอย่างชัด จากธรรมชาติของพฤติกรรมผู้ชม ที่จะเปลี่ยนไปหาช่องใหม่ และอาจจะมีผลต่อเนื่องในระยะยาวของช่อง ที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ชมจะไม่กลับมาชมรายการที่ช่อง เพราะไปถูกใจรายการช่องอื่นไปแล้ว จึงขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละช่องด้วยว่า จะเลือกหารายได้ใหม่ หรือจะเลือกรักษาสถานะอันดับเรตติ้งของช่อง เพราะหากภาพรวมอันดับช่องลดลงมาก ก็จะมีผลต่อรายได้ และการกำหนดอัตราค่าโฆษณาในระยะยาวด้วยเช่นกัน

รายได้ขายสินค้าและบริการ รวม TV Shopping โต 200%

เวิร์คพอยท์ได้รายงานว่า ในส่วนของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ รายได้จาก TV Shopping และรายได้อื่นๆ  ซึ่งมีรายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่  95.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 200% จากรายได้ 32.01 ล้านบาทในไตรมาส 2/2561 โดยเป็นรายได้จาก TV Shoping ถึง 90% ในขณะที่ไตรมาส 2/2561 รายได้จาก TV Shopping ยังอยู่ในสัดส่วนแค่ 59% ของรายได้ในหมวดนี้

โดยในส่วนของรายได้จาก TV Shopping ในช่องเวิร์คพอยท์ มีทั้งหมด 4 ราย ได้แก่ สินค้าเสริมความงาม “Let Me In “ และ “Me Vio” และกลุ่มสินค้าทั่วไป “Studio Shop” และ “1346 Hello Shops” ซึ่งการขายสินค้าของ “1346 Hello Shops” มีรายได้สูงสุดจากทั้ง 4 ราย

ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายของเวิร์คพอยท์ในไตรมาส 2/2462 ก็มีอัตราเพิ่มขึ้น 14% จาก 208.10 ล้านบาท เป็น 237.75 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายในการทำ TV Shopping นั่นเอง

Tagged